Friday, February 22, 2019

รีวิว คลีนซิ่งไมเซล่าวอเตอร์ BIODERMA H2O ทั้ง 3 สูตร


สวัสดีค่าาทุกคน วันนี้นำคลีนซิ่งวอเตอร์ลูกรัก ใช้มาไม่รู้กี่ขวดแล้วมารีวิวให้ทุกคนดูค่ะ 

นี่คือ คลีนซิ่งไมเซล่าวอเตอร์ ไบโอเดอร์มา BIODERMA H2O ทั้ง 3 สูตรค่ะ





BIODERMA เป็นเวชสำอางจากฝรั่งเศส เค้าเป็นผู้นำนวัตกรรมไมเซล่าวอเตอร์แบรนด์แรกของโลกเลยนะซิส เราเชื่อว่าหลายคนที่เดินเข้าร้านขายยาหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ต้องเคยผ่านตากันมาบ้างแน่นอน 

เค้าเป็นไมเซล่าวอเตอร์ที่สามารถขจัดคราบสิ่งสกปรกได้อย่างล้ำลึกแม้ขนาดเล็กถึง 1 ไมครอน (เค้าเคลมว่า สามารถทำความสะอาดมลภาวะค่า pm 2.5 ได้)
ไม่มีสารกันเสีย ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์ โอกาสแพ้น้อย และได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังว่าอ่อนโยนต่อผิวค่ะ 




ก็เป็นคลีนซิ่งที่แพรใช้มานานมาก ใช้ครบทุกสูตร ใข้มาหลายปี มีติดบ้านตลอดนะ คือเชื่อใจและไว้ใจไบโอเดอร์มา เพราะเป็นคนผิวมัน และยังแพ้ง่ายอีก ทำให้เป็นสิวง่าย แต่ก็ยังต้องแต่งหน้าทุกวันอ่ะเนอะ ทำให้ชีวิตนี้ขาดคลีนซิ่งไม่ได้ 555 และคลีนซิ่งที่เราใช้แล้วถูกกับผิวเรา อ่อนโยน ใช้แล้วไม่เป็นสิวเพิ่ม ก็ควรต้องมีติดบ้านไว้ตลอดนะ 

และทางเราก็รีวิวไบโอเดอร์มาไปก็หลายรอบ
ทำให้หลายๆคนหลังไมค์มาถามตลอดว่า พี่คะ ใช้สูตรไหนดีคะ สูตรไหนดีกว่ากัน มีตั้งหลายสูตร เลือกไม่ถูกเลย บลาๆๆ 

เอาล่ะ วันนี้แพรก็เลยหยิบมารีวิวเปรียบเทียบให้ดูกันเลยค่ะ ว่าแต่ละสูตรแตกต่างกันยังไงและเหมาะกับผิวแบบไหนนะคะ 



เริ่มที่สูตรนี้ก่อนเลย 
นี่คือ BIODERMA Sensibio H2O สีชมพู สำหรับผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย





สูตรนี้ มีสารสกัดจากแตงกวา จะช่วยปลอบประโลมให้ผิวนุ่ม แข็งแรง และลดอาการระคายเคืองนะคะ 

แพรว่าสูตรนี้อ่อนโยนมากกก เช็ดเมคอัพรอบดวงตาได้ ไม่แสบตาแน่นอน 
แต่...เพราะเค้าอ่อนโบนมากเนี่ยล่ะ ประสิทธิภาพการทำความสะอาดเมคอัพกันน้ำเลยไม่มากเท่าไหร่ 



ในรูป จะเห็นว่าในส่วนของอายไลเนอร์กันน้ำและลิปแมทท์ขั้นสุด เช็ดรอบเดียวยังออกไม่หมดค่ะ 
แต่ในส่วนของเมคอัพผิว รอบเดียวหลุดหมดเกลี้ยงเลยจ้า


คือถ้าแต่งหน้าไม่แน่นมาก ก็เอาอยู่นะ แต่ถ้าปัดมาสคาร่า อายไลเนอร์กันน้ำมากๆ หรือลิปแมทท์แบบจูบไม่หลุด สูตรนี้จะเช็ดค่อนข้างยากค่ะ รอบเดียวไม่พอนะ ต้อง 2-3 รอบแบบออกแรงหน่อย 5555 

แต่ถ้าเรื่องความอ่อนโยน เช็ดแล้วผิวไม่แห้ง เบาสบายผิว ไม่ระคายเคือง ต้องยกให้เค้าเลย 

เหมาะกับคนที่แต่งหน้าเบาๆไม่หนักมาก และผิวแพ้ง่าย ต้องการคลีนซิ่งที่อ่อนโยนมากกกกกเว่อร์ ขวดนี้ใช่เลย 


นี่คือ BIODERMA Sebium H2O สีเขียว สำหรับผิวมัน เป็นสิวง่าย 





มีส่วนผสมของซิงค์และคอปเปอร์ช่วยลดความมันและแบคทีเรีย สาเหตุของการเกิดสิว 

ขวดนี้กลิ่นน้ำหอมแรงใช้ได้เลยนะคะ แต่แพรใช้มานานแล้วเลยแอบชิน 555 ใช้ไปใช้มา เออ ก็หอมดีนะ แหะๆ 

หลังเช็ด เบาสบายผิวมากๆๆๆ ไม่เหนียวหน้า แต่ก็ไม่ได้ทำให้หน้าแห้งตึง แพรชอบตรงที่ช่วงไหนเป็นสิวแล้วใช้นะ แป๊บๆสิวหาย ใช้คู่กับยาทาสิว คือเข้ากันดีมากจริงๆ แพรชอบประสิทธิภาพเค้ามากนะ ชอบทุกอย่าง ใช้มาหลายขวดแล้วด้วย แต่เสียอย่างเดียวกลิ่นน้ำหอมนี่ล่ะ แรงไปนิดนึง 555 ถ้าไม่มีน้ำหอมเลยจะดีกว่านี้มากกกกจริงๆ 


ในส่วนของการทำความสะอาดเมคอัพนั้น  แพรเช็ด 1 รอบให้ดูค่ะ


จะเห็นว่าเค้าทำความสะอาดได้ดีมากกกก เมคอัพกันน้ำหลุดหมด ไม่ต้องออกแรงเยอะ ยกเว้นลิปแมทท์ขั้นสุดที่อาจมีหลงเหลือจางๆ เช็ดลิปแมทท์ได้ขนาดนี้คือสุดยอดละนะ  

แต่จริงๆแล้ว สูตรนี้เค้าก็เขียนไว้ว่า ห้ามใช้เช็ดรอบดวงตาและริมฝีปากนะคะ แต่แพรอยากลองดู สรุปว่า แสบตานิดๆค่ะ 5555 ไม่น่าลองเลยเรา เอาเป็นว่าใช้เช็ดเมคอัพที่ผิวก็พอนะคะ

เหมาะสำหรับคนผิวผสมถึงผิวมัน เป็นสิวง่าย หรือใช้คู่กับยารักษาสิว และคนที่ชอบความรู้สึกสดชื่น สบายผิวหลังเช็ด ไม่ชอบความเหนียวเหนอะหนะ เช็ดแล้วนอนเลยก็ได้นะ แพรทำบ่อย 555

นี่คือ BIODERMA Hydrabio H2O สีฟ้า
สำหรับผิวขาดความชุ่มชื้น 




มีกลีเซอรีนสารสกัดจากเมล็ดแอปเปิ้ลและวิตามิน B3 ช่วยคืนสมดุลให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง ลดการสูญเสียน้ำในผิว

สูตรนี้ชุ่มชื้นมากกกกกเว่อร์ กลิ่นก็ดี๊ดี หอมกำลังพอดี นี่อยากสลับกลิ่นนี้ไปอยู่ในสูตรสีเขียวจัง 555 คือชอบกลิ่นมากๆ หอมสบาย 


ในรูป แพรเช็ด 1 รอบนะคะ
เช็ดเมคอัพได้ดีเลยนะ มาสคาร่ากันน้ำก็ออกนะ แต่ต้องออกแรงนิดนึง ลิปแมทท์ติดทนขั้นสุด เช็ดรอบเดียว ก็หลุดไปได้เยอะเลยค่ะ  ก็ถือว่าทำความสะอาดได้ดีมากนะ ลิปแมทท์ขนาดนี้ปกติคลีนซิ่งวอเตอร์หลายๆแบรนด์เช็ดแทบไม่ออกเลยด้วยซ้ำ  

หลังเช็ดจะยังคงความชุ่มชื้นที่ผิวอยู่ สำหรับคนผิวผสมอย่างแพร ยังรู้สึกถึงความฉ่ำๆอยู่นิดนึง แต่ก็ไม่ได้เหนียวเหนอะหนะนะคะ แต่แค่จับผิวแล้วมันไม่ได้แห้งสบายเท่านั้นเอง 

แต่เอาจริงๆสูตรนี้แพรก็ใช้บ่อยนะ หมดไปหลายขวดเช่นกัน 555 สรุป ใครที่ชอบความชุ่มชื้นที่ผิว ผิวแห้ง เหมาะกับสูตรนี้ค่ะ 

วิธีใช้ : เทผลิตภัณฑ์ลงบนสำลีแผ่น แล้วเช็ดทำความสะอาดผิวหน้า รอบดวงตาและริมฝีปาก
(สำหรับสูตรสีเขียวให้เว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก)



สำหรับแพร แพรเป็นคนผิวมัน เป็นสิวง่าย แพรเลยชอบใช้สูตรสีเขียว Sebium มากที่สุดนะ เป็นสูตรที่หยิบมาใช้ค่อนข้างบ่อยเลยช่วงนี้ มันดีกับผิวคนเป็นสิวจริงๆ ใช้ไปเรื่อยๆสิวจะหายเร็ว และสิวใหม่ก็ไม่ค่อยขึ้น มันดีมากจริงๆค่ะ 

สามารถหาซื้อได้ที่
Watsons, Boots, Eve and Boy, ร้านเพื่อสุขภาพและความงาม, ร้านขายยาชั้นนำ และโรงพยาบาล 

หรือสามารถสั่งซื้อออนไลน์ที่ Lazada Lazmall : www.lazada.co.th/bioderma-thailand-shop


แต่แพรขอฝากไว้อีกเรื่องนึงนะคะ 
คือตอนนี้ทาง BIODERMA เค้ามีวิธีตรวจสอบสินค้าด้วยนะคะ เนื่องจากว่าเรื่มมีสินค้าปลอมขึ้นมาแล้วนะ 

วิธีการก็ง่ายๆเลยค่ะ 
ด้านข้างขวด จะมีคิวอาร์โค้ด NAOS อยู่นะคะ 




เพียงแค่ใช้โทรศัพท์มือถือของเรานี่ล่ะค่ะ แสกนคิวอาร์โค้ด NAOS ซึ่งเค้าจะช่วยตรวจสอบสินค้าแท้-ปลอมได้ค่ะ 

ถ้าขึ้นหน้าจอมาแบบในรูป แสดงว่าแท้ค่ะ 





และนอกจากนั้น ยังมีการสมัครสมาชิก NAOS CLUB ด้วยนะคะ เพื่อสะสมคะแนน





ลิ้งก์ https://www.bioderma.co.th/naos-club
ใครที่ซื้อมาแล้ว ก็อย่าลืมแสกนคิวอาร์โค้ดกันนะค๊า 



รายละเอียดเพิ่มเติม
Facebook : BiodermaThailand
Web site : www.bioderma.co.th
Line@ : @biodermathailand 





Tuesday, February 19, 2019

รีวิว สายรัดข้อมือ เพื่อสุขภาพ XFIT M3X

สวัสดีค่าาทุกคน วันนี้ขอพักจากการรีวิวเครื่องสำอางมารีวิวอะไรที่เกี่ยวกับสุขภาพกันบ้างเนอะ 




ผู้หญิงอย่างเราๆ นอกจากเรื่องความสวยความงามแล้ว การมีสุขภาพที่ดีก็เป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญเช่นกันนะคะ ยิ่งวัยที่เพิ่มขึ้นทุกวันๆแล้วด้วย ยิ่งควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษเลย 

คือช่วงก่อนหน้านี้ แพรไปโรงพยาบาล แล้วตรวจวัดความดันออกมา ค่ามันค่อนข้างสูงเลย คุณพยาบาลเลยแนะนำให้นั่งพักแล้วกลับมาตรวจซ้ำ แต่วันนั้นแพรมีธุระต้องรีบไป เลยไม่ได้กลับไปตรวจ ทางเราก็แอบกังวลว่าเราจะมีภาวะความดันสูงรึเปล่า บวกกับช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีแรงจูงใจในการออกกำลังกายเลย ก็เลยเสิร์ชอินเตอร์เนตเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับความดันสูงและการออกกำลังกาย 

ก็พบว่า มีหลายคนแนะนำว่าอุปกรณ์ที่ช่วยวัดความดันด้วยตัวเองก็มีขายนะ หรือถ้าไม่มีเวลาไปออกกำลังกายก็ใช้วิธีเดินก็ได้ แล้วใช้นาฬิกาวัดก้าวเดิน วัดแคลลอรี่ก็ช่วยได้ 

ทางเราก็เสิร์ชหาข้อมูลหลายแบรนด์ ส่วนใหญ่เจอแต่แบบแยกฟังค์ชั่น เช่น วัดความดันได้อย่างเดียว หรือนับก้าวได้อย่างเดียว 

แต่มีแบรนด์นี้ทำได้ครบ ซื้อมาแล้วจบ ตอบโจทย์ความต้องการของแพรได้ 

 นี่คือ นาฬิกา XFIT M3X




คือจะเรียกว่า สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ หรือนาฬิกาวัดความดัน หรือ นาฬิกา Smart watch ก็ได้เลย เพราะเค้าเป็นนาฬิกาอัจฉริยะเพื่อสุขภาพที่ทำได้หลายอย่างจริงๆค่ะ 

เหมาะกับผู้เริ่มต้นใช้งานที่ใส่ใจในการติดตามสุขภาพเบื้องต้นด้วยตนเอง สามารถวัดค่าความดันโลหิต(Blood Pressure) -ชีพจร-ปริมาณออกซินเจนในเลือด ได้แบบเรียลไทม์ (โดยไม่ต้องพกมือถือติดตัว) นับก้าวและระยะทาง บอกค่าพลังงานที่เผาผลาญต่อวัน วัดประสิทธิภาพการนอนหลับ (ตั้งแต่เวลา 22.00-8.00 น.) (บอกการหลับลึก-หลับตื้น) 

 กันน้ำ โดนน้ำทั่วไป ใส่อาบน้ำได้ค่ะ สามารถใส่ว่ายน้ำได้ด้วยนะ แต่ไม่เกิน 30 นาที 

เชื่อมต่อบูลทูธกับแอพพลิเคชั่นในมือถือ ชื่อ Lefun Health (รองรับได้ทั้งระบบAndroid และIOS)และข้อมูลจะถูกเก็บผ่านแอพพลิเคชั่นค่ะ สะดวกมากๆเลย

 เปิดกล่องออกมา จะเจอตัวเรือนนาฬิกา, สายชาร์ต และจุกตัวล็อคสายนาฬิกา(สำรอง) 




 ตัวนี้ครอบคลุมทั้งโหมดสุขภาพและกีฬาเลยนะ ถือเป็นการวัดที่ครอบคลุมที่สุดในบรรดานาฬิกาตระกูล XFIT เลยล่ะ จะบอกว่าเครื่องนี้ใช้งานง่ายมากกกก แพรเป็นพวกโลว์เทคโนโลยี ยังใช้ได้สบายมากๆเลย 555 ฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นภาษาไทยค่ะ (มีคู่มือการใช้งานภาษาไทยให้ด้วย)

 มาเริ่มดูกันดีกว่าค่ะ ว่าเค้ามีฟังค์ชั่นอะไรบ้าง
 เริ่มจากกดค้างไว้ที่หน้าจอ เป็นการเปิด ปิดเครื่องค่ะ 




เปิดหน้าจอขึ้นมา จะเจอโหมดนาฬิกาค่ะ 
หน้าจอ TFT LCD เราสามารถเลือกรูปแบบการแสดงผลหน้าจอได้ค่ะ โดยการกดค้างไว้ หน้าจอจะเปลี่ยนรูปแบบให้ค่ะ มีทั้งหมด 3 รูปแบบ 







เราสามารถเปลี่ยนโหมดโดยการกดเพียง 1 ครั้งค่ะ 






โหมดนับก้าวเดิน 




 โหมดวัดระยะทาง 



 โหมดเผาผลาญแคลอรี่ 





โหมดวัดอัตราการเต้นของหัวใจ 






 โหมดวัดความดันโลหิต 





โหมดวัดปริมาณออกซิเจนในเลือด  




ขณะทำการวัด อัตราการเต้นของหัวใจ, วัดความดันโลหิต, วัดปริมาณออกซิเจนในเลือด  จะเห็นไฟเซนเซอร์สีเขียวๆด้านหลังตัวเรือน เซนเซอร์คุณภาพดี การนับด้วย Pulse oximeter signal 




 โหมดค้นหาโทรศัพท์ สำหรับเชื่อมต่อกับแอพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ 




 วิธีการเชื่อมต่อแอพลิเคชั่น ง่ายมากๆค่ะ รองรับได้ทั้ง Androids และ ios ค่ะ

 เพียงเข้าไปโหลดแอพลิเคชั่นชื่อว่า Lefun Health 


 โหมดการแจ้งเตือน เมื่อมีข้อความหรือสายเข้า จะมีการสั่นเตือน 






โหมดเกี่ยวกับ จะบอกรายละเอียดของตัวเครื่อง 






โหมดเปิด ปิดเครื่อง กดค้างไว้จะเป็นการเปิด ปิดเครื่อง 




การชาร์ตไฟ เพียงหงายด้านหลังของนาฬิกาขึ้น ใช้มือกดด้านใดด้านหนึ่ง ตัวเรือนจะเด้งออกมาจากสายค่ะ  






จากนั้นนำไปเสียบกับสายชาร์ต ให้ใส่ด้านที่มีขั้วเหมือนกันค่ะ สามารถชาร์ตกับที่ชาร์ตโทรศัพท์มือถือหรือพอร์ต usb ที่คอมพิวเตอร์ก็ได้ค่ะ ใช้เวลาชาร์ตเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ สามารถแสตนด์บายได้ 5-14 วัน

*ไม่ควรชาร์ตร่วมกับหัวชาร์ตโทรศัพท์ที่มีการจ่ายไฟมากกว่า 2.1 A หรือ ระบบชาร์ตเร็จ Fast Charge ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ - เมื่อเหลือแบต 1 - 2 ขีดสามารถชาร์ตได้เลยไม่ควรปล่อยให้แบตหมดเกลี้ยง




ในส่วนของการใช้งานแอพลิเคชั่น  Lefun Health  





หลังจากที่ดาวน์โหลดมาแล้ว เปิดแอพขึ้นมา จะเจอหน้าจอแบบนี้ค่ะ


ทำการเชื่อมต่อ โดยกดไปที่โหมดค้นหาโทรศัพท์


จากนั้น กดมุมซ้ายบนหน้าจอแอพลิเคชั่น 

เลือก Device name/connection status




เครื่องจะทำการค้นหา 


ในแอพลิเคชั่น จะแสดงรายละเอียดต่างๆไว้มากมาย 

โหมด Health จะแสดงโหมดนับก้าวเดิน  โหมดวัดระยะทาง โหมดเผาผลาญแคลอรี่ โหมดการนอนหลับ โหมดอัตราการเต้นของหัวใจ และโหมดวัดความดันโลหิต


ในส่วนของโหมด Sport  

เราสามารถใช้โหมดนี้ ขณะที่ไปเดินหรือวิ่งออกกำลังกายได้ค่ะ เค้าจะบอกรายละเอียดของความเร็ว ระยะเวลา รวมถึงแคลอรี่ด้วยค่ะ 


โหมด Trend 

จะเป็นการสรุปผลในแต่ละวัน สัปดาห์ เดือน และปี ค่ะ 



My data 

จะแสดงข้อมูลส่วนตัวของเราค่ะ  เราสามารถกรอกน้ำหนัก ส่วนสูง อายุ เพศ หรือแม้กระทั่ง เป้าหมายก้าวเดินในแต่ละวันค่ะ 






 ข้อห้ามและข้อควรระวัง 

 1. ไม่ควรใส่ว่ายน้ำเกิน 30 นาที 

 2. เวลาดึงชาร์จ อย่าแกะหรืองัดตัวเครื่องออกแรงเกินไป เพราะจะทำให้ตัวเครื่องมีปัญหา ให้ดึงหรือง้างสายออกเพื่อ จะดึงตัวเรือนออกได้ (เนื่องจากสายทำจาก PU มีความยืดหยุ่นได้มาก ดึงแรงไม่เป็นไร) 

3. เวลาอาบน้ำ หากเกิดฝ้าที่หน้าจอไม่ต้องตกใจ เมื่อแห้งแล้วจะเป็นปกติ ตัวเครื่องและสายสามารถกันน้ำ ใส่อาบน้ำ ว่ายน้ำได้

หลังจากที่แพรได้ทดลองใช้นาฬิกา XFIT M3X เครื่องนี้ ในฐานะคนที่ไม่เคยใช้แก็ทเจ็ทแบบนี้มาก่อน รู้สึกชอบมากๆ มันใช้ง่าย และทำให้แพรมีแรงจูงใจที่จะไปออกกำลังกายมากขึ้นค่ะ อยากจะไปวิ่งมากขึ้น เพราะทุกครั้งเราจะเช็คได้เลยว่าเราวิ่งไปกี่กิโล เดินไปกี่ก้าว เผาผลาญไปเท่าไหร่ อัตราการเต้นของหัวใจเราปกติไหม ความดันปกติดีไหม คือมันดีมากค่ะ เราสามารถเช็คสุขภาพเราได้เรื่อยๆทุกวัน และตัวเรือนนาฬิกาก็มีดีไซน์สวยงาม ทันสมัย สามารถใส่แทนนาฬิกาข้อมือในวันทั่วๆไปได้เลย วันไหนที่แพรแต่งตัวลุคเท่ห์ๆสปอร์ทๆ แพรก็ใส่แทนนาฬิกาไปเลยค่ะ  ในราคาเท่านี้ แพรถือว่าคุ้มค่ามากๆค่ะ





ใครสนใจ สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้เลยค่ะ  ตอนนี้เค้าลดราคาเหลือ 1,250 บาท จากราคาปกติ 2,150 บาท ค่ะ มีหลายสีให้เลือกค่ะ

Online >> Line@ : @xfit
Call center : 02-0263581  
FB Fanpage : XFIT WATCH 

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Website  https://www.xfitwatch.com/  




Sunday, February 17, 2019

รีวิว เครื่องปั่นสุญญากาศฟิลิปส์ Philips High Speed Vacuum Blender รุ่น HR 3752


สวัสดีค่ะ วันนี้แพรนำเครื่องปั่นที่ต้องบอกเลยว่าช่วงนี้เห่อสุดๆ ตั้งแต่ได้มาก็ปั่นเช้าปั่นเย็น 5555 ลืมเครื่องปั่นเดิมๆที่มีอยู่เลยล่ะ 





นี่คือ เครื่องปั่น Philips High Speed Vacuum Blender รุ่น HR 3752
ราคา 11,990 บาท






เครื่องปั่นสุญญากาศฟิลิปส์ ประกอบด้วย 5 ฟังก์ชั่นหลัก คือ 




1. โหมดสุญญากาศ (Vacuum) ก่อนที่ระบบจะทำการปั่น เครื่องจะดูดอากาศออกจากตัวโถปั่นก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้เกิดสภาวะสุญญากาศ 60 วินาที เพื่อให้ภายในโถปั่นมีปริมาณออกซิเจนที่ต่ำที่สุด จากนั้นเครื่องปั่นจึงจะเริ่มปั่น 

2. โหมดสุญญากาศ และปั่นสมูทตี้ (Vacuum + Smoothie)  โหมดการปั่นที่เหมาะสำหรับสมูทตี้โดยเฉพาะ  เวลาที่ใช้ในการดูดออกซิเจนให้เกิดสภาวะสุญญากาศคือ 60 วินาที และ เวลาการปั่น 80 วินาที

3. โหมดปั่นชั่วขณะ Pulse (P)  เป็นการปั่นแบบกระแทกสำหรับอาหารที่แข็ง

4. โหมดปั่นน้ำแข็ง (Ice mode)  โหมดการปั่นที่เหมาะสำหรับบดน้ำแข็งโดยเฉพาะ





5. โหมดปั่น manual  สามารถหมุนเพื่อควบคุมความแรงในการปั่นได้ตามต้องการ max speed 35,000 รอบ/นาที



เครื่องปั่นรุ่นนี้จะแตกต่างจากเครื่องปั่นทั่วๆไป ตรงที่มีระบบการทำงานแบบสุญญากาศค่ะ 

หลายคนอาจสงสัย รวมทั้งแพรด้วยค่ะที่ตอนแรกๆก็งงๆว่า ทำไมต้องสุญญากาศ แล้วสุญญากาศดียังไง เพราะเห็นราคาเครื่องตอนแรกบอกตรงๆก็แอบช็อคอยู่ คือหลักหมื่นกันเลยทีเดียว ทางเราเลยต้องหาข้อมูลเยอะหน่อย ราคานี้ต้องได้ของที่คุ้มค่าค่ะ ถ้าของเค้าดี เท่าไหร่เท่ากันนะ จริงไหมคะ 

จากการไปหาข้อมูลเพิ่ม ก็สรุปได้คร่าวๆว่า

เครื่องปั่นสุญญากาศเครื่องนี้ จะช่วยในการรักษาคุณค่าของสารอาหารไว้ค่ะ 
ทุกคนเคยสังเกตไหมว่า เวลาที่เราปั่นสมูทตี้ ปั่นไว้แป๊บเดียวเอง เค้าก็จะแยกชั้นกันแบบเห็นได้ชัดเลย ทำให้เวลาดื่ม มันไม่อร่อยเลยล่ะ และสีของสมูทตี้ก็ดูเปลี่ยนไป เกิดการออกซิเดชั่นขึ้น คือถ้าปั่นแล้วดื่มเลยมันก็ยังพอไหวอยู่ แต่บางทีเราปั่นแล้วก็ไม่ได้ดื่มเลยทันทีอ่ะเนอะ ก็อยากจะปั่นเช้าแล้วดื่มเย็น หรือปั่นเย็นเก็บไว้ดื่มตอนเช้าอะไรแบบนี้ 

Philips เค้าก็เลยคิดค้นผลิตเครื่องนี้ขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น 
ทำให้เราได้ดื่มสมูทตี้ที่มีความสดใหม่ตลอดทั้งวัน 
แม้เวลาจะผ่านไปถึง 8 ชั่วโมงก็ตาม เพราะการปั่นด้วยระบบสุญญากาศนี้จะช่วยลดการเกิ
ออกซิเดชั่นในขณะปั่นนะคะ เพราะฉะนั้นเค้าก็เลยช่วยล็อคคุณค่าของสารอาหารไว้ได้มากถึง 3 เท่า เมื่อเก็บไว้ 8 ชั่วโมง และ 2 เท่าเมื่อเก็บไว้ 24 ชั่วโมง สมูทตี้ของเราก็จะมีสีสันสดใส และลดการเกิดฟองและลดการแยกชั้นค่ะ 


เทคโนโลยีสุญญากาศนี้นะคะ จะช่วยลดออกซิเจนในโถปั่นทำให้ลดการเกิดออกซิเดชั่นขณะที่ปั่นค่ะ ทำให้สมูทตี้มีความสดใหม่ได้หลายชั่วโมง เพียงกดปุ่ม อากาศจะถูกดูดออกจากโถปั่นโดยอัตโนมัติค่ะ

และเทคโนโลยี StayFresh ระบบสุญญากาศ จะช่วยรักษาคุณค่าสารอาหารได้มากถึง 3 เท่า 

ใบมีด Problend 6 3D ผ่าเซลล์ผัก ผลไม้ ปลดปล่อยสารอาหารได้มากกว่าเครื่องปั่นทั่วไป





เป็นยังไงล่ะคะ คุณสมบัตินี้มันสุดยอดจริงๆเลยใช่ไหมล่ะ แต่ค่ะแต่ แต่แค่นี้ยังไม่พอ 
สิ่งที่แพรชอบมากๆอีกอย่างก็คือ เค้าสามารถปั่นได้เนียนละเอียดมากๆ และใช้เวลาปั่นเร็วกว่าเครื่องปั่นทั่วๆไปด้วย 

วันนี้แพรจะทดสอบประสิทธิภาพของโหมดปั่นสุญญากาศ เทียบกับ โหมดทั่วไปให้ทุกคนได้เห็นกันค่ะ ว่าปั่นออกมาแล้วแตกต่างกันอย่างไร 

แพรเตรียมน้ำแข็ง สตรอเบอร์รี่แช่แข็ง และแอ็ปเปิ้ลไว้แล้วค่ะ แพรจะทดสอบโดยการนำทั้งหมดมาปั่นด้วยโหมดทั่วไป 1 แก้ว และ โหมดสุญญากาศ 1 แก้ว ใช้ผลไม้ในปริมาณเท่ากันค่ะ 




โหมดปั่นทั่วไป ใช้วิธีหมุนไปด้านขวามือค่ะ


โหมดสุญญากาศ กด ปุ่มขวาบน  เวลาที่ใช้ในการดูดออกซิเจนให้เกิดสภาวะสุญญากาศคือ 60 วินาที และ เวลาการปั่น 80 วินาที




หลังจากปั่นเสร็จทั้ง 2 แก้ว  ดูไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ สียังคล้ายกันอยู่ค่ะ แต่โหมดทั่วไปดูจะมีฟองอากาศเยอะกว่าค่ะ





แพรจะลองตั้งทิ้งไว้นะคะ เพื่อเปรียบเทียบ

นี่คือ 2 ชั่วโมงผ่านไปค่ะ จะเห็นว่าด้านที่ปั่นด้วยโหมดทั่วไป เริ่มแยกชั้นแล้ว และสีก็เริ่มซีดจางลง 





นี่คือ 8 ชั่วโมงผ่านไปค่ะ 




เห็นชัดเลยล่ะค่ะ ว่าด้านที่ปั่นสุญญากาศ สีสันยังสดใหม่เหมือนเพิ่งปั่นเสร็จเลย และไม่แยกชั้นด้วยค่ะ ภาพนี้ต่างกันชัดเจนมากๆค่ะ หลังจากที่ได้ลองชิมทั้ง 2 แก้ว แน่นอนเลยค่ะ ด้านที่ปั่นสุญญากาศยังคงความอร่อย สดใหม่ เหมือนเพิ่งปั่น แต่ด้านที่ปั่นด้วยโหมดทั่วไป รสชาติเริ่มจืดชืด ไม่อร่อยเลยค่ะ 

นอกจากเรื่องคุณค่าสารอาหารแล้ว เรื่องความละเอียดของเนื้อสมูธตี้ก็ถือว่าทำได้ดีมากๆค่ะ 




เครื่องนี้ 1400 วัตต์ มอเตอร์ความเร็วสูงสุด 35,000 รอบ/นาที
แพรใส่สตรอเบอร์รี่แช่แข็ง, แอ็ปเปิ้ล และน้ำแข็งลงไปพร้อมๆกันเกือบเต็มโถปั่น พอกดปุ่มปุ๊บ แป๊บเดียวปั่นได้ละเอียดเลย ดีมากๆค่ะ 

และเค้ายังมีโหมดอื่นๆอีกด้วยนะคะ เช่น โหมดปั่นน้ำแข็ง โหมดปั่นกระแทกของแข็ง
เราสามารถปรับความเร็วในการปั่นให้เหมาะกับผักผลไม้ตามความต้องการได้อีกด้วย

ในส่วนของวิธีทำความสะอาด
เครื่องนี้ทำความสะอาดง่ายค่ะ โถปั่นก็ไม่หนักด้วย ล้างแล้วไม่ปวดแขน 5555 

•ชุดใบมีดสามารถถอดออกได้ค่ะ เพื่อการทำความสะอาดที่ง่ายและทั่วถึงมากขึ้น

ตัวโถปั่นเองก็สามารถใส่ในเครื่องล้างจานได้ด้วยนะคะ


สรุป เครื่องปั่นสุญญากาศ Philips เครื่องนี้ เป็นเครื่องปั่นที่ดีมากๆ เหมาะมากๆสำหรับคนที่ชอบปั่นน้ำผลไม้ ปั่นสมูธตี้ จะปั่นแล้วดื่มเลยทันทีก็ดีมาก หรือไม่มีเวลา คนที่เร่งรีบ เวลาน้อย ปั่นไว้ตอนเย็น แล้วดื่มตอนเช้า หรือปั่นเช้า แล้วเอาใส่แก้วเก็บความเย็นออกไปนอกบ้านด้วยก็ยังได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะแยกชั้น สีเปลี่ยน รสชาติเปลี่ยน คุณค่าสารอาหารจะหายไป เครื่องปั่นนี้ตอบโจทย์ครบเลยล่ะ คุ้มค่า คุ้มราคาแน่นอนค่ะ แพรให้คะแนน 10/10 เลยค่ะ ปลื้มมากๆ 





ใครสนใจ ลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/PhilipsThailand/
Instagram: https://www.instagram.com/philipsthailand/?hl=en
Youtube link: https://www.youtube.com/channel/UCV6oUquhQAKA53Q4NiY1sdg
Website: https://www.philips.co.th