Thursday, January 31, 2019

รีวิว กันแดดแอคซีน Acseine กันแดดรางวัล cosme อันดับ 1 สำหรับผิวแพ้ง่ายจากญี่ปุ่น

สวัสดีค่าาาทุกคน วันนี้มีครีมกันแดดที่ช่วงนี้หลงรักมากกกกก มารีวิวให้ดูกัน เป็นครีมกันแดดสัญชาติญี่ปุ่นจ้า เค้าได้รางวัล cosme อันดับ 1 ด้วยนะ 
เป็นกันแดดอันดับ 1 สำหรับผิวแพ้ง่าย  เริ่ดป่ะล่ะ 





นี่คือ Acseine Super Sunshield EX SPF50+ (PA++++) Best Natural look
ปริมาณ 22 กรัม ราคา 1,300 บาท






ACSEINE เป็นแบรนด์เวชสำอางชั้นนำจากญี่ปุ่น เค้าทำขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาให้กับคนที่มีผิวแพ้ง่าย
พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่น 

มาในขวดสีขาว น้ำหนักเบา ดูเรียบง่ายสไตล์สกินแคร์เวชสำอางญี่ปุ่นนะ 







หัวปั๊มใช้ง่ายเลยล่ะ 




ขนาดขวดกำลังดีเลย จับถนัดมือ และสะดวกต่อการพกพาด้วยค่ะ 





เนื้อครีมสีเบจอ่อนๆ เนื้อเกลี่ยไม่ยากนะคะ เกลี่ยง่าย ซึมเร็ว 







วิธีใช้ แพรใช้แค่ 1 ปั๊มเท่านั้นค่ะ ก็ทาได้ทั่วหน้าแล้ว 





จะเห็นว่าด้านที่ทา ผิวดูใสขึ้นเลย และดูขาวขึ้นมานิดนึงด้วย ผิวดูเรียบเนียนขึ้นค่ะ เหมือนทาเมคอัพเบสเลย 
หลังทา หน้าไม่มัน ไม่เหนียวค่ะ บางวันแพรขี้เกียจแต่งหน้า ทาขวดนี้แล้วออกไปเลยก็มีค่ะ ไม่ทาแป้งหน้าก็ไม่มันนะ จะได้ลุคหน้าใสๆผ่องๆเงาๆนิดๆ 





ข้อดี 
1.100% Pshysical Sunscreen เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะหรือทิ้งคราบขาวเหมือนสูตรฟิสิคอลทั่วไป


2. Best natural look เป็นทั้งกันแดดและเมคอัพเบสในขวดเดียว จะช่วยปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ กระจ่างใส เรียบเนียนขึ้น ปิดรูขุมขนได้ดีเลยล่ะ 

3. คุมมันได้ดี แต่ก็ไม่ได้ทำให้หน้าแห้งค่ะ ยังให้ความชุ่มชื้นไปพร้อมๆกันด้วย คนผิวมันก็ใช้ได้ ผิวแห้งก็ใช้ได้ค่ะ

4.สีกันแดดไม่ได้ขาวเกินไป ทาแล้วเค้าจะปรับให้เข้ากับสีผิวเดิม ผิวจะดูขาวใสแบบธรรมชาติค่ะ 

5.กันเหงื่อ กันน้ำ ไม่มีคราบขาว

6.กันแดดได้ดีมากๆค่ะ แพรลองในวันที่ต้องตากแดดทั้งวันนานๆ ก็รอด กลับมาหน้าไม่คล้ำลงค่ะ 

ข้อเสีย
1. คนผิวคล้ำมากๆ อาจทาแล้วดูขาวกว่าผิวไปนิดนึง
2.ถ้าหน้าแห้งมากๆ ไม่ได้ลงครีมบำรุงก่อน มันจะเป็นขุยๆบนหน้า ทาแล้วจะไม่เนียนค่ะ 


สรุป เป็นครีมกันแดดที่แพรชอบมากกกก เป็นลูกรักเลยตอนนี้ ทาแล้วหน้าใสๆดีค่ะ  ไม่มันด้วย เริ่ด เอาไป 10/10 




ใครสนใจ ลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 
LINE : @AcseineThailand

Facebook : https://www.facebook.com/acseine.th/

IG : https://www.instagram.com/acseine.th/

หาซื้อได้ที่ 
Iconsiam ชั้น M โซน Siam Takashimaya
หรือสั่งซื้อออนไลน์ที่ http://www.acseine.in.th/campaign/ 
หรือสั่งได้โดยตรงผ่าน Inbox : FB @Acseine.th

โปรโมชั่นช่วง ก.พ. - มี.ค. 2018 เพียงสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ของ ACSEINE 
รับ Rare item : Rose Cheek Limited Powder สีชมพูระเรื่อมูลค่า 1000 บาท (ไม่สามารถหาซื้อได้แม้ในประเทศญี่ปุ่น)



Monday, January 28, 2019

รีวิว ครีมซองหน้าฉ่ำวาว Kisaa Cactus Snail เด้ง ฉ่ำ ใส ใครๆก็อิจฉา



ช่วงนี้เทรนหน้าฉ่ำวาว ชุ่มชื้น ดูสุขภาพผิวดีกลับมาอีกแล้วนะคะ ความแมทท์หลบไปค่ะปีนี้ 

และแพรเองก็เป็นคนชอบความฉ่ำวาวอยู่แล้วด้วย ก็เข้าทางเราเลยนะ ก็จะสรรหาสกินแคร์และเมคอัพที่จะช่วยให้หน้าฉ่ำ 

คือการที่ผิวเราดูฉ่ำน้ำ ดูเงาๆใสๆ มันดูผิวสุขภาพดีมากอ่ะ ซึ่งทางเราชอบลุคแบบนี้มาก วันนี้เลยเอาครีมซองที่เพิ่งได้ทดลองใช้มารีวิวให้ดูกันนะ ใครชอบความฉ่ำวาวมาทางนี้เลยค่ะ

นี่คือ Kisaa Cactus + Snail Hydrating Gel (คิซ่า แคคตัส พลัส สเนล ไฮเดรติ้ง เจล)

หรือเรียกสั้นๆว่า คิซ่า แคคตัส สเนล
ปริมาณ 40 กรัม ราคา 49 บาท



แบรนด์คิซ่า แพรเคยใช้ครีมซองที่ช่วยเรื่องสิวมาก่อนนะ คือชอบมาก พอเห็นว่าเค้าออกตัวใหม่มา เลยต้องลองซะหน่อย 

คิซ่า แคคตัส สเนล ซองนี้ มีส่วนผสมหลักคือ สารสกัดจากกระบองเพชร 

ซึ่งมีวิตามินซี สูงกว่า Aloe vera ถึง 7 เท่าเลยนะ สารสกัดมาจากประเทศ Switzerland นะจ๊ะ ธรรมดาที่ไหน จะช่วยให้หน้าชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ลดรอยดำรอยสิว สร้างคอลลาเจนให้ผิวอ่อนเยาว์ ผิวกระจ่างใส 



เป็นเนื้อเจลใสๆแบบนี้เลย เนื้อบางเบา เกลี่ยง่ายนะ ทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมเร็ว





แพรชอบเอาไปแช่ตู้เย็นไว้ เวลาทาจะสบายผิวมากกกก 



ถ้าใช้ก่อนแต่งหน้าความเย็นจะช่วยกระชับรูขุมขนด้วย และช่วยบำรุงให้หน้าชุ่มชื้น ฉ่ำวาว แต่หน้าไม่มันเยิ้ม 

ใครที่มีปัญหาหน้าแห้ง ลอกเป็นขุย แต่งหน้าไม่ติด แพรแนะนำให้ทาก่อนแต่งหน้าไปเลยค่ะ คือดีเริ่ดมากกก 



ในส่วนของการทาก่อนนอน แพรจะทาหนาๆเลย ตัวเดียวจบ 


ตื่นมาคือผิวใสชุ่มชื้นมาก ผิวดูฉ่ำน้ำ มันจะวาวๆเงาๆใสๆ หน้าเด้งมากอ่ะ เป็นครีมซองที่แพรใช้แล้วชอบมาก ควรมีติดบ้านไว้นะคะซิส 





นี่ตั้งใจว่าจะไปซื้อแบบหลอดมาไว้เลย ของมันต้องมีค่ะ แบบหลอดเห็นเค้าขายราคา 159 บาทนะ 
ใครอยากซื้อ ทั้งแบบซองและแบบหลอด ไปซื้อได้ที่เซเว่น 7-11, Eveandboy และ Beautrium นะคะ 
หรือถ้าใครไม่สะดวก จะสั่งซื้อออนไลน์เค้าก็มีนะ
ที่ Konvy, Lazada, Shopee สะดวกมากเว่อร์ ใครอยากหน้าเด้ง ใส ฉ่ำวาว จงไปตำค่ะ


และตอนนี้ทาง KISAA เค้ามีกิจกรรม อวดหน้าเด้ง ฉ่ำ ใส ใครๆก็อิจฉา" ให้เล่นที่แฟนเพจด้วยนะ ลุ้นของรางวัลเยอะแยะเลย เข้าไปเล่นกันได้ตามลิ้งค์นี้เลย http://bit.ly/2SYE8Wd


Sunday, January 27, 2019

ลองใช้สกินแคร์ 8 ขั้นตอน ราคา 2หมื่นกว่าบาทจากญี่ปุ่น ผิวดีขึ้นจริงไหม (Domohorn Wrinkle)

สวัสดีค่าาาทุกคน หลังจากก่อนหน้านี้ แพรได้รีวิวการไป workshop กับ Jeban x Domohorn Wrinkle ไปเมื่อช่วงปลายปีนะ แพรก็ได้สกินแคร์ทั้งหมด 8 ขั้นตอนกลับมาลองใช้ 

และวันนี้ก็ใช้ครบ 3 อาทิตย์แล้วค่าา ก็ได้เวลาที่จะมาเล่าอย่างละเอียดแล้วว่าใช้แล้วเป็นยังไง ดีจริงไหม คุ้มราคาหรือไม่ ควรซื้อไหม

แต่ก่อนอื่น แพรขอเล่าเกี่ยวกับแบรนด์แบบคร่าวๆให้ทุกคนได้รู้จักกันก่อนนิดนึงเนอะ 

Domohorn Wrinkle เป็นแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่นนะคะ เดิมเค้าเป็นบริษัทผู้ผลิตยาจากสมุนไพร ภายใต้แนวคิด"คัมโป" ซึ่งเป็นแนวคิดแบบแพทย์แผนตะวันออกที่ว่า "มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ" เค้าดึงพลังอันน่ามหัศจรรย์ของธรรมชาติออกมา เพื่อเพิ่มพลังให้แก่ผิว จึงเกิดเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Domohorn Wrinkle ขึ้นมาค่ะ

เค้าเป็นผู้คิดค้นนำคอลลาเจนมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็รายแรกในญี่ปุ่นเลยนะ และเค้าก็ทำการวิจัยอยู่ตลอด 40 ปี เพื่อหาวิธีฟื้นฟู "ผิวเน็นเรฮาดะ" 


หลายคนต้องสงสัยใช่ไหมว่า ผิวเน็นเรฮาดะ คืออะไร ผิวเน็นเรฮาดะก็คือ ผิวที่เสื่อมสภาพเนื่องมาจากอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดปัญหาต่างๆเช่น ริ้วรอย และจุดด่างดำ) พัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่ตลอดเวลา

ปัจจุบันนับเป็น Domohorn Wrinkle รุ่นที่ 18 แล้วค่ะ เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบ "One Line" นะ ไม่มีการแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ตามปัญหาผิว ประเภทผิว หรือสภาพอากาศ จึงไม่มีผลิตภัณฑ์ All in One 

เนื่องจาก "ผิวเน็นเรฮาดะ" บอบบางเกินกว่าที่จะดูดซึมสารบำรุงทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ได้ในครั้งเดียว
ผลิตภัณฑ์ทั้ง 8 ของ Domohorn Wrinkle จะทำหน้าที่แตกต่างกัน แต่จะส่งเสริมการทำงานของกันและกัน เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น โดยการค่อยๆส่งผ่านสารบำรุงที่จำเป็นให้ซึมลึกลงสู่ผิวทีละน้อยอย่างครบถ้วน เพื่อดึงพลังของผิวให้กลับคืนมา

และอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นในการดูแลผิว นั่นก็คือ "มือ" ของเราค่ะ เค้าบอกว่า มือเป็นอวัยสะสำคัญที่ช่วยส่งผ่านความรักความรู้สึกดีๆและมีพลังแห่งการเยียวยาซ่อนอยู่ เช่น ตอนเราเป็นเด็กแล้วปวดท้อง แค่แม่เอามือมาวางบนท้องเรา ก็รู้สึกได้ว่าปวดน้อยลง 5555 
ดังนั้น มือจึงสามารถส่งผ่านสารบำรุงผิวได้อย่างดี ถือเป็น Domohorn Wrinkle ชิ้นที่ 9 เราจึงเรียกการดูแลผิวในแบบฉบับ Domohorn Wrinkle ว่า "โอเทะอาเทะ" มีความหมายว่า "การดูแลบำรุงผิวด้วยมือ" 

และนี่คือ Domohorn Wrinkle ทั้ง 8 ชิ้นค่ะ 




แพ็คเกจจิ้งดีเริ่ด อลังการสวยงามมากเว่อร์ ทุกชิ้นอยู่ในถุงซีลมาอย่างดี 





และที่แพรชอบมากๆเลยคือ ชิ้นที่เป็นขวดแก้ว เค้าจะใช้ผ้าห่อก่อนแล้วใส่ในถุงอีกที 


ผ้าที่เค้าใช้ห่อนั้น เป็นผ้าที่ผลิตขึ้นจากเศษด้ายที่เหลือจากการผลิตของโรงงานผ้าขนหนู 

คือแพรชอบแนวคิดเค้ามากๆนำทรัพยากรมาใช้ซ้ำให้เกิดประโยชน์ ไม่สูญเปล่า 
เราสามารถนำผ้ามาใช้เช็ดจานเช็ดโต๊ะเช็ดมือได้ เริ่ด 



ฝาของผลิตภัณฑ์เป็นคล้ายๆยางทำให้จับได้โดยไม่ลื่นมือแม้มือเปียก และเปิดปิดง่าย หมุนครั้งเดียวก็ปิดเปิดได้แล้ว 



ในส่วนของรูปทรงขวด เค้าก็คิดมาแล้ว เค้าทำเป็นรอยจับเหลี่ยมๆทำให้จับถนัดมือมากขึ้น กันลื่นด้วย




และมีเส้นบอกปริมาณที่หลังขวดด้วยนะ




และใครที่กังวลว่า มีตั้ง 8 ขั้นตอน จะจำได้ยังไงต้องใช้อะไรก่อน ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะมีตัวเลขใหญ่มากด้านหลังขวด 555 



พร้อมทั้งมีคู่มือการทำ "โอเทะอาเทะ" เป็นกระดาษกันน้ำสามารถใช้ที่อ่างล้างหน้าได้ด้วย ดีไปอีก




มาดูกันค่ะ ว่าทั้ง 8 ชิ้นมีอะไรบ้าง 
แพรจะขอเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการล้างเมคอัพ เป็นขั้นตอนแรกเลยเนอะ 

นี่คือ Oil-in-Gel Remover (ใช้เฉพาะตอนกลางคืน)
ปริมาณ 110 g. (ใช้ได้ประมาณ 60 วัน)
ราคา 1,800 บาท 



เป็นเจลล้างเครื่องสำอาง ที่จะเปลี่ยนเป็นเนื้อออยล์เมื่อเรานวดบนผิว 
เป็นออยล์จากพืชพรรณธรรมชาติ 5 ชนิด 

เนื้อเจลสีชมพูคริสตัล ที่ได้จากธรรมชาติ กลิ่นหอมอ่อนๆ เวลาใช้รู้สึกผ่อนคลายมากๆ



วิธีใช้ ใช้เจลขณะที่มือและหน้าแห้ง



แต้มเจลบนใบหน้าแล้วใช้นิ้วนวดวนเป็นวงกลม จนเนื้อเจลเปลี่ยนเป็นออยล์ นวดต่ออีก 3 นาทีแล้วใช้มือเปียกนวดจนออยล์เปลี่ยนเป็นน้ำนม จากนั้นล้างด้วยน้ำเปล่า




หลังใช้ ล้างเมคอัพกันน้ำได้ดีนะ  ไม่แสบตา ล้างมาสคาร่า อายไลเนอร์กันน้ำได้ค่ะ ไม่ต้องใช้ eye remover เลย และผิวไม่แห้งแน่นอน หลังล้างหน้าจะยังรู้สึกว่าผิวมันๆ เคลือบไปด้วยน้ำมัน ต้องใช้โฟมล้างหน้าต่อค่ะ ในขั้นตอนที่ 2 

นี่คือ Silky Cream Foam (ใช้เช้า-กลางคืน)
ปริมาณ 110 g. (ใช้ได้ประมาณ 60 วัน) 
ราคา 1,800 บาท




โฟมล้างหน้าที่เค้าบอกว่า เวลาใช้ จำเป็นต้องตีโฟมให้ขึ้นเท่าขนาดผลเลม่อน  

วิธีการตีฟอง 
บีบครีมลงบนฝ่ามือ ห่อมือเล็กน้อย เติมน้ำนิดนึงประมาณครึ่งช้อนชา แล้วใช้ทั้ง 5 นิ้วค่อยๆตีฟองเบาๆขึ้นลง แล้วเติมน้ำทีละนิด ตีต่อไป จนได้ฟองขนาดที่ต้องการค่ะ 




การตีฟองโฟมนี้ ทำให้มือเราไม่ไปสัมผัสผิวหน้าเราโดยตรงค่ะ เนื้อโฟมเค้านุ่มมากกกก ละเอียดมากจริงๆ แพรชอบเนื้อโฟมเค้ามาก แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่ต้องตีโฟม 5555 
ขั้นตอนนี้ ต้องทำซ้ำ 2ครั้งค่ะ 




แพรลองล้างรอบเดียว จะรู้สึกได้เลยว่าผิวยังหลงเหลือความมันอยู่ แต่พอล้าง 2 รอบ โอโหหหห หน้าสะอาดใสเลยจ้า 

หลังใช้ สบายผิวมากๆค่ะ รูขุมขนกระชับขึ้นเลย รู้สึกสดชื่น ผิวไม่แห้งนะแม้จะล้างถึง 2 รอบ

ซับหน้าด้วยผ้าขนหนู แล้วต่อด้วยขั้นตอนที่ 3 ค่ะ

นี่คือ Softening Foam Mask (ใช้ตอนกลางคืน)
ปริมาณ 80 g. (ใช้ได้ประมาณ 45 ครั้ง) 
ราคา 4,200 บาท



โฟมมาส์กที่ใช้เฉพาะตอนกลางคืน มีส่วนผสมของกรดอะมิโน และวิตามินต่างๆ จะช่วยรีเซ็ตผิวให้กลับมาสดชื่น ชุ่มชื้น ผิวจะนุ่มฟูอิ่มน้ำ

วิธีใช้ ใช้ขณะที่มือและหน้าแห้ง
ก่อนใช้ต้องเขย่าขวดขึ้นลง 10 ครั้งในแนวตั้งค่ะ 
แล้วกดโฟมลงบนฝ่ามือ ขนาดเท่าลูกปิงปอง




เวลาปาดครีมลงบนผิว ต้องปาดครั้งเดียวนะ อย่าปาดซ้ำไปมาโฟมจะแตก 
ใช้ทั้งฝ่ามือเรานี่แหล่ะค่ะ ปาดจากข้างจมูกไปด้านข้างแก้ม 




มาส์กทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออกค่ะ
หลังใช้ แพรชอบมากกก คือถ้าหมด ต้องซื้อต่อเลย ล้างปุ๊บผิวใสปั๊บ หน้าดูเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับ ผิวดูวิ๊งขึ้น ให้ความรู้สึกคล้ายๆไปทำทรีทเมนท์ที่คลินิกเลยอ่ะ

 
เป็นมาส์กที่วิธีใช้แปลกดี แรกๆอาจรู้สึกไม่ชิน รำคาญด้วย แบบอะไรกัน กว่าจะมาส์กกว่าจะล้าง โอ๊ยยยย 555 ทำไปทำมาก็ชินค่ะ 

แพรจะมาส์กทิ้งไว้และไปอาบน้ำค่ะ กว่าจะอาบเสร็จก็ครบเวลาล้างออกพอดี 
หลังจากล้างออก ก็ซับหน้าด้วยผ้าขนหนู และตามด้วยขั้นตอนที่ 4 ค่ะ

นี่คือ Intense Hydrator (ใช้เช้า-กลางคืน)
ปริมาณ 120 ml. (ใช้ได้ประมาณ 60 วัน) 
ราคา 1,800 บาท




แพรขอเรียกเค้าว่าน้ำตบแล้วกันเนอะ 555
ขวดนี้จะช่วยให้หน้าชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ฉ่ำน้ำตลอดวัน 
ส่วนผสมหลักก็คือกรดไฮยาลูรอน และคอลลาเจน

วิธีใช้ ขั้นตอนนี้ ต้องทำ 2 ครั้งนะคะ 



เทลงบนฝ่ามือปริมาณเท่าเหรียญ 2 บาท
วอร์มให้ทั่วฝ่ามือ 


ครั้งที่ 1 ค่อยๆกดลงบนหน้าอย่างเบามือ ขีดเส้นใต้เลยค่ะ เบามือ เค้าบอกว่า การตบหน้าอย่างรวดเร็วไม่ได้ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมเร็วขึ้น ต้องช้าๆเบาๆมือค่ะ ทางเราลองแล้ว เออ จริงด้วย ทำแบบนี้ซึมเร็วกว่า
ครั้งที่ 2 เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นนิดนึงค่ะ 
กดๆที่ผิวจนรู้สึกว่า แก้มนุ่มเด้งติดมือ จึงเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปค่ะ




อ้อ ลืมบอกว่า ขั้นตอนนี้เค้าเขียนว่า ใช้เวลา 2 นาที 30 วินาที แพรก็ทำถึงบ้างไม่ถึงบ้าง 555 แล้วแต่ความรีบและความเหนื่อยในแต่ละวันค่ะ เหนื่อยมากๆก็ตบๆแบบเร็วๆ 555

หลังใช้ ผิวชุ่มชื้นมากกกกกก มากขั้นสุด เป็นน้ำตบที่ชุ่มชื้นจริงจัง ใครผิวมันมากๆอาจไม่ชอบเพราะจะรู้สึกหนึบๆหน้าหน่อย แต่หลังใช้ผิวฉ่ำน้ำจริงตามเค้าบอก หน้าจะฉ่ำวาวเลยล่ะ ส่วนตัวแพรไม่มีปัญหากับความฉ่ำขนาดนี้ ทางเราชอบค่ะ ชอบทาบำรุงแน่นๆเยอะๆอยู่แล้ว 55555 

ต่อไปผิวเราก็พร้อมไปสู่ขั้นตอนที่ 5 แล้วค่ะ

นี่คือ Vital White Essence (ใช้เช้า-กลางคืน)
ปริมาณ 30 ml. (ใช้ได้ประมาณ 60 วัน) 
ราคา 3,500 บาท




ขวดนี้ส่วนผสมหลักคือวิตามินซี จะช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ผิวกระจ่างใส

เนื้อเป็นเจลสีขุ่นๆมีกลิ่นคล้ายๆวิตามินซี กลิ่นสดชื่นมากๆเลย 




วิธีใช้ ทาทั่วหน้าแล้วใช้ปลายนิ้วเคาะเบาๆทั่วหน้าจนกว่าจะไม่เหลือน้ำบนผิวค่ะ ขั้นตอนนี้ใช้เวลา 2 นาที 10 วินาที 




หลังใช้ เนื้อเค้าซึมเร็วอยู่นะคะ เนื้อบางเบา กลิ่นหอม แต่บางวันเคยลองใช้ตัวนี้เดี่ยวๆเลยก่อนแต่งหน้า สรุป ไม่พอค่ะ หน้าไม่ชุ่มชื้นเท่าไหร่ คิดว่าน่าจะเหมาะกับใช้ควบคู่กันไปให้ครบขั้นตอน แหะๆ 

ขั้นตอนที่ 6 
นี่คือ Cream 20 (ใช้ เช้า-กลางคืน)
ปริมาณ 30 g. ราคา 4,500 บาท




เค้าบอกว่าเป็นครีมบำรุงผิวยอดขายอันดับ 1 ของญี่ปุ่นเลยนะ เป็นครีมคอลลาเจนที่เค้าพัฒนาสูตรมาตลอด 40 กว่าปี ส่วนผสมหลักก็คือสารสกัดจากโสมขาวและคอลลาเจน ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น เปล่งปลั่งจากภายใน 

เนื้อครีมข้นเลยล่ะ เค้าให้บีบออกมา 2 cm. ไม่ต้องกลัวว่าจะบีบน้อยไปหรือมากไป เพราะว่าปากหลอดยาว 2 cm. อยู่แล้ว บีบออกมาวัดขนาดกันได้เลย 5555 เค้าคิดมาละเอียดจริงๆ ยอมใจเค้าเลย




วิธีใช้ ใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆเป็นวงกลมให้ทั่วหน้า เน้นว่าเบาๆอย่าให้หน้าขยับ หรือขยับให้น้อยที่สุดค่ะ นวดจนกว่าความลื่นที่นิ้วจะหายไป ขั้นตอนนี้ใช้เวลา 2 นาที 30 วินาที 




ขั้นตอนที่ 7 
นี่คือ Milky Veil Lotion
ปริมาณ 100 ml. ราคา 1,800 บาท




ครีมน้ำนมที่จะช่วยปิดล็อคสารบำรุงทั้งหมดที่เราได้ทาไปแล้ว จะช่วยให้ผิวยังคงชุ่มชื้นอยู่ตลอด ส่วนผสมหลักคือดอกทิวลิป

เนื้อครีมน้ำนมเหลวมากๆแทบจะเป็นน้ำเลยล่ะ ซึ่งต่างจากครีมน้ำนมที่เคยใช้มาทุกแบรนด์เลย 




วิธีใช้ แพรกดออกมาครึ่งปั๊มค่ะ แล้ววอร์มให้ทั่วฝ่ามือ ค่อยๆกดบนหน้าเบาๆ นับ 1 2 3 แล้วเปลี่ยนตำแหน่งให้ทั่วหน้า ต้องค่อยๆทำช้าๆนะคะ ไม่ทำแบบเร็วๆ 

ขั้นตอนนี้ต้องใจเย็นๆนิดนึง ถ้าทำเร็วไปมันจะซึมช้าค่ะ ทำจนกว่าจะไม่เหลือน้ำบนผิวค่ะ ขั้นตอนนี้ใช้เวลา 2 นาที 20 วินาที 



คนญี่ปุ่นที่แพรรู้จักทุกคน ไม่มีใครไม่ใช้ครีมน้ำนมปิดท้ายเลยค่ะ ทุกคนบอกว่าจำเป็นต้องใช้ ไม่ว่าแบรนด์ไหนก็ตาม ต้องใช้ นี่ทางเราก็อยากผิวดีกะเค้าก็เลยใช้มาตลอดอยู่แล้ว 

แต่พอได้ลองขวดนี้ บอกเลยชอบมากกกกก มากจริงๆ คือใช้แล้วผิวฉ่ำน้ำมากๆๆๆๆ ขั้นสุด ใครชอบผิวชุ่มชื้นแบบสุด หน้าวาวฉ่ำ ต้องลองขวดนี้เลย แพรชอบมากจริงๆ หมดแล้วจะซื้อต่อ อิอิ 

จบขั้นตอนนี้ ก็ถือว่าเสร็จเรียบร้อยในตอนกลางคืนค่ะ นอนได้เลย 
แต่ในตอนเช้า ต้องเพิ่มขั้นตอนที่ 8 เข้ามานะคะ
สำคัญมากๆ ห้ามลืมเด็ดขาด 

นี่คือ UV Dress Cream (ใช้เฉพาะตอนเช้า)
ปริมาณ 25 g. ราคา 1,800 บาท




เป็นครีมกันแดดที่ไม่ได้แต่กันแดดนะ แต่ยังมีสารบำรุงด้วย ช่วยฟื้นฟูผิวด้วยล่ะ 

เนื้อครีมสีเบจอ่อนๆ 




วิธีใช้ ค่อยๆเกลี่ยเป็นวงกลมให้ทั่วหน้า 


ตอนที่ลงผิวแรกๆจะรู้สึกว่าสีขาวไปนิด แต่เกลี่ยไปซักพักจะเห็นเนื้อครีมกลืนไปกับสีผิวเลย 
คือแพรชอบหลอดนี้มากกกกก บีบออกมานิดเดียวใช้ได้ทั่วหน้าเลย 



ลังทา หน้าดูเนียนขึ้นเยอะ ปกปิดรอยสิวไม่ได้นะคะ แต่เค้าช่วยปรับสีผิวให้ดูเนียนขึ้น บางวันแพรขี้เกียจ แพรทาแล้วออกจากบ้านเลย ไม่ทาแป้งด้วย แพรผิวผสมแต่ก็อยู่ได้ทั้งวัน ไม่ไหลไม่เยิ้ม ไม่เป็นคราบใดๆทั้งสิ้น หมดแล้วจะซื้อต่อค่ะ 

และนี่ก็คือทั้งหมด 8 ขั้นตอนที่แพรได้ทดลองใช้เองแบบจริงจัง มาเป็นเวลา 3 สัปดาห์ 


ผลลัพธ์โดยรวม คือชอบมาก ก่อนใช้ ช่วงนั้นหน้าแพรแพ้เครื่องสำอางมา และเป็นช่วงรอบเดือนสิวก็จะเห่อตรงคาง แถมมีรอยสิวเดิมที่หลงเหลือไว้ด้วย




หลังจากที่ได้ลองใช้ รู้สึกผิวดีขึ้นเรื่อยๆ 
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้หวือหวาแบบเห็นผลทันทีอย่างรวดเร็ว แต่จะค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิดๆ รู้ตัวอีกที ทำไมผิวดีขึ้น ผิวนุ่มเนียนขึ้น รอยสิวจางลงตอนไหนหว่า อะไรแบบนี้ 

เวลาออกนอกบ้านจะมีคนทักว่าทำไมหน้าใสขึ้น ใช้อะไร คือทำให้เรารู้สึกดีมากๆนะ มันแปลว่าสิ่งที่เราอุตส่าห์ตั้งใจใช้ให้ครบ 8 ขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน เหนื่อยขนาดไหนก็พยายามจะทำให้ถูกวิธีทุกอย่าง อาจใช้เวลาหน่อย แต่ผลบัพธ์ออกมาแบบนี้ ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่ะ คุ้มจริงๆ 



ในส่วนของราคานั้น เซตนี้ราคา 2 หมื่นกว่า แพงไหมแพรก็ยอมรับนะว่าแพงจริงๆ ถ้าช่วงไหนงบเหลือก็คิดว่าจะซื้อครบเซตค่ะ แต่ถ้าช่วงที่งบน้อย อาจจะเลือกเป็นบางชิ้นแทน 

ชิ้นที่แพรคิดว่า ขาดไม่ได้ ต้องมี ต้องโดน มันดี 
ก็คือ Milky Veil Lotion, Cream20 และ UV Dress Cream ค่ะ แพรว่าขั้นตอนอื่นๆ เราสามารถปรับใช้กับผลิตภัณฑ์เดิมที่เราใช้อยู่ได้ค่ะ 

ใครอยากลองใช้บ้าง เค้ามีแบบทดลองใช้ได้ 3 วันค่ะ 



มีค่าใช้จ่ายในการนำเข้า 200 บาทนะคะ 
1 คนขอรับได้เพียง 1 ครั้งค่ะ

และมีขนาด half size ด้วยนะคะ 


ใครสนใจอยากทดลองผลิตภัณฑ์ หรือ มีปัญหาผิวอยากปรึกษา หรือไม่เข้าใจวิธีการใช้งาน 
สามารถโทรไปที่ 02-260-2222 ได้เลยค่ะ

หรือไปที่ Domohorn Wrinkle Lounge ตั้งอยู่ที่ อาคาร The Emporio Place ชั้น 2 จะมี Pleaser คอยตอบปัญหาผิวและให้ความช่วยเหลือค่ะ 



ใครเคยลองใช้มาแล้ว ผลเป็นยังไง มาแชร์กันบ้างน๊าาา วันนี้ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านกันค่ะ กระทู้ยาวไปนิด แหะๆ 
สุดท้าย ขอบคุณ Jeban และ Domohorn Wrinkle นะคะ ที่ให้แพรไปร่วมกิจกรรมและได้มาทดลองใช้ในครั้งนี้ค่ะ เลิฟๆ